ของปลอม??…จากความหลอนในอดีต! 15/09/2021

ของปลอม??…จากความหลอนในอดีต! 15/09/2021

ของปลอม??…จากความหลอนในอดีต! 15/09/2021

เจดอน ซานโช่

โทษฐานของผู้เล่นค่าตัวแพงบรรลัยที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เทียวไล้เทียวขื่อตามล่าตัวมานาน 

แต่ผ่านไปแล้ว 4 นัด โดยยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน แมนยู

เจดอน ซานโช่ และนาทีนี้จึงถูกจับจ้องอย่างจงหนักพลางตั้งข้อสงสัยว่า “ของจริง” หรือ “ของปลอม”

อืมมมมมมม…นะ – เป็นเรื่องอีกแล้ววววววว

ถึงตอนนี้ เขาลงเล่นให้ทีมปีศาจแดงในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 4 นัด

นัดแรกถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองแทน แดน เจมส์ ในนาทีที่ 75

ณ ขณะนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด นำห่าง 5-1

แทนที่จะลงมาปลดปล่อยความสามารถพลางกระชากเสียงฮือฮาจากแฟนบอล ปรากฏว่า เจดอน ซานโช่ เล่นแบบประคองตัว ไม่ค่อยกล้าเล่น ไม่ค่อยกล้าโชว์อะไรออกมามากนัก

เจดอน ซานโช่

มองโลกในแง่ดี – บางทีอาจเป็นคำสั่งของผู้เป็นกุนซือที่ให้เขาเล่นแบบประคองตัว ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอะไรมาก ตามวิสัยของผู้จัดการทีมสมัยใหม่ที่เน้นผลการแข่งขันมากกว่าความบันเทิงของท่านผู้ชม

นัดต่อมาที่ เซนต์ แมร์รี่ส์ สเตเดี้ยม บ้านของทีมนักบุญ ดาวเตะวัยยีบเบ็ดผู้นี้ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองแทน อ็องโตนี่

มาร์กซิยาล ในนาทีที่ 59 ขณะที่สกอร์ยังเสมอกันอยู่ 1-1

นี่คือการเปลี่ยนตัวแบบ “แก้เกม” เลยนะครับ เหตุเพราะตัวจริงอย่าง “หนูหมาก” เล่นไม่ออก จึงต้องการความแตกต่าง

ทว่าเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงที่อยู่บนฟลอร์หญ้า เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไหร่

เกมที่บุกไปเยือนเมือง “หมาป่า” เจดอน ซานโช่ ถูกส่งลงตัวจริงเป็นครั้งแรก

บทบาทที่ได้รับคือ “หน้าซ้าย” ในระบบ 4-2-3-1

ผู้ชมทางบ้านอย่างผมพอเห็นอะไรที่พากย์ภาษาอังกฤษว่า

“สเต็ป” ของดาวเตะผู้นี้อยู่บ้าง แต่ก็ยังถือว่ากล้าๆ กลัวๆ ไม่ได้สำแดงลีลาอะไรออกมามากมาย

เจดอน ซานโช่

สุดท้ายถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 72 ผู้เล่นที่ลงมาแทนคือ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล

ว่าแล้วก็บังเกิดความแตกต่างขึ้นเล็กน้อย เมื่อดาวเตะหน้านิ่งที่ถูกวิพากษ์-วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าเป็นจอมขี้เกียจช่วยให้เกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด มีชีวิตชีวามากขึ้น

อย่างน้อยก็กล้าลากและกล้าเลี้ยงพอสร้างความหวือหวาออกมาได้บ้าง

ในการศึกครั้งล่าสุดเมื่อวันเสาร์

ดาวเตะค่าตัว 73 ล้านปอนด์ถูกส่งลงตัวจริงอีกครั้งในตำแหน่ง “หน้าซ้าย” เหมือนเดิม

สิ่งที่ท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผมเห็นคือเขาเริ่มกล้าเล่นและกล้าลุยมากขึ้น

สเต็ปการเล่นสูงขึ้นกว่านัดที่แล้ว

ปัญหาคือยังไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่ เมื่อถึงจังหวะที่ควรจะเปิดเข้ากลาง ด้วยความที่ถนัดขวา เขาจึงต้องล็อคหนึ่งจังหวะหรือ 2 จังหวะ แล้วตัดเข้าใน หรือป้ายบอลกลับมาให้เพื่อนร่วมทีมมากกว่า

ถึงนาทีที่ 66 ก็ถูกเปลี่ยนออก คนที่ลงมาแทนคือ เจสซี่ ลินการ์ด

เจดอน ซานโช่

ความแตกต่างบังเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ “เจ-ลิ๊งซ์” ลงมาแล้วสร้างความแพรวพราวได้มากกว่า แถมกระหน่ำประตูได้อีกต่างหาก

มันจึงเกิดการเปรียบเทียบขึ้นอย่างชัดเจน

 สรุปว่านับตั้งแต่ขายวิญญาณให้ปีศาจแดง เจดอน ซานโช่ ลงเล่นไปแล้วเป็นเวลารวมกันทั้งหมด 185 นาที (ตัวจริง 2 นัดตัวสำรอง 2) คะแนนความสามารถเฉลี่ยที่ได้รับจากเว็บไซด์เก็บสถิติลูกหนังอย่าง Whoscored คือ 6.07 เท่านั้นเอง

น้อยกว่าทั้ง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล (6.25) และเจสซี่ ลินการ์ด (6.58)

ในฐานะเด็กมหัศจรรย์จากบุนเดสลีกาที่ค่าตัวเคยกระฉูดแตกถึง 120 ล้านปอนด์ ถือว่าน่าผิดหวังมิใช่น้อย

อย่างไรก็ตาม

มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เวลายังน้อยเกินไปที่จะตัดสินว่าเขาเป็น “ของปลอม”

ทว่าไม่น่าแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมบรรดาเด็กผีถึงตกอยู่ในอาการ “หลอน”

เหตุเพราะโปรไฟล์ของ เจดอน ซานโช่ ก่อนเดินทางมาที่โรงละครแห่งความฝันนั้นสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียว

หากพลาดขึ้นมา เกรงว่าเด็กผีจะไม่มีที่ยืน

เจดอน ซานโช่

เท่านั้นไม่พอ

    แมนฯ ยูไนเต็ด มีประวัติที่ไม่ค่อยโสภาสักเท่าไหร่จากผู้เล่นที่กระชากตัวมาจาก ดอร์ทมุนด์

หนึ่งคือ ชินจิ คางาวะ

ดาวเตะสายพันธุ์ปลาดิบผู้นี้เคยสร้างปรากฏการณ์ในศึกบุนเดสลีกา ด้วยเป็นกุญแจสำคัญดอกหนึ่งซึ่งช่วยให้ “เสือเหลือง” คว้าแชมป์บุนเดสลีกาถึง 2 สมัยติดต่อกัน

“ชินจัง” เล่นได้ทั้ง “หน้าต่ำ” และ “หน้าซ้าย” รวมถึงเป็น “จอมแอสซิสต์” สมัยอาละวาดอยู่ในบุนเดสลีกาเหมือน เจดอน ซานโช่ นี่แหละ

ต่อเมื่อมาอยู่กับทีมที่ใหญ่ขึ้น และในลีกที่ใหญ่ขึ้น ความกดดันมันก็มากขึ้น เช่นเดียวกับระดับความยาก

ชัดเจนเลยครับว่าทนแรงเสียดสีไม่ไหว เพราะรูปร่างของเขาบอบบางเกินไป

ช่วงแรกๆ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พยายามมอบบทบาท “หน้าต่ำ” ให้เขาถึงขนาดยอมขยับเอา เวย์น รูนี่ย์ ออกไปเล่นด้านข้าง

ปัญหาของ ชินจิ คางาวะ คือแรงปะทะ

เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจอสปีดการเล่นที่รวดเร็วและหนักหน่วงมากขึ้นของพรีเมียร์ลีก

ผลที่ออกมาคือกลิ้งเป็นลูกขนุนเลยทีเดียว

สุดท้าย “เฟอร์กี้” จึงต้องเอา ‘เสี่ยหมู’ กลับมาเล่นเป็น “หน้าต่ำ” เพื่อสนับสนุนหัวหอกอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

มาคิทายาน-คากาวะ

ดาวเตะของ ดอร์ทมุนด์ อีกหนึ่งซึ่งทำตัวน่าผิดหวังคือ เฮนริค มคิทาร์ยาน

ดาวเตะอาร์เมเนียผู้นี้คือตัวแทนของ ชินจิ คางาวะ นี่แหละครับ เขาย้ายมาอยู่กับทีมเสือเหลืองในฤดูกาล 2013-14 โดยเล่นได้ทั้งในตำแหน่งหน้าต่ำ – หน้าซ้าย และหน้าขวา ของระบบ 4-2-3-1

หลังจากเลื้อยตูดมาสวมเครื่องแบบปีศาจแดง

โชเซ่ มูรินโญ่ ไม่รีบใช้งานดาวเตะผู้นี้เหมือนรู้ว่าระดับความยากระหว่าง บุนเดสลีกา กับ พรีเมียร์ลีก นั้นแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับสภาพให้เหมาะสมกับสมรภูมิแข้งที่มีความฮาร์ดคอร์ของเมืองหลวงแห่งลูกหนังมากที่สุด

เฮนริค มคิทาร์ยาน ใช้เวลาปรับสภาพร่างกายของตัวอยู่นานทีเดียวกว่าจะได้รับอนุญาตจากผู้จัดการทีมจอมโอหังให้ลงเล่นอย่างเป็นสม่ำ

ถึงกระนั้นก็ยังถือว่าน่าผิดหวังอยู่ดี เพราะความน่าขามเกรงสมัยที่อยู่กับทีมเสือเหลืองไม่ถูกเปล่งออกมาสักเท่าไหร่แทบไม่ต่างจาก ชินจิ คางาวะ เลย

 ทีนี้มาดูผู้เล่นในตำแหน่ง “กองหน้ากึ่งปีก” ที่เป็นการเซ็นสัญญาอันล้มเหลวของ แมนฯ ยูไนเต็ด บ้าง

เมฟิต เดปาย

 คนแรกคือ เมมฟิส เดอปาย ที่อุตส่าห์ไปแย่ง ลิเวอร์พูล มาซะด้วย

ดาวรุ่งพุ่งกระฉูดแตกผู้นี้เดินทางมาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด พร้อมเกียรติประวัติมากมายจาก เอเรดิวิซี่ ลีก ของแดนกังหันลม ทั้งรางวัลดาวซัลโว จอมแอสซิสต์ รวมถึงจอมฟรีคิก

แต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อเป็นลูกทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ในพรีเมียร์ลีกที่ลงเล่นไปแค่ 33 นัด ยิงได้ 2 ประตู

เพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้นเองก็ถูกปล่อยออกไปอยู่กับ ลียง

หลังจากเล่นในลีกชาวนาของฝรั่งเศส เมมฟิส เดอปาย เหมือนกลับชาติมาเกิดใหม่จนได้ไปอยู่กับทีมระดับพญายักษ์อย่าง บาร์เซโลน่า โดยปัจจุบัน

แถมตอนนี้ยังอหังการถึงขั้นสถาปนาตัวเองเป็นดาวเด่นของทีมเลือดหมูน้ำเงินอีกต่างหาก

ส่วนอีกคนคือ อเล็กซิส ซานเชซ

ดาวเตะผู้นี้ไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีกแล้วนะครับ

น่าเสียดายที่เขายอมขายวิญญาณให้ปีศาจแดงในช่วง “ขาลง” ของตัวเองพอดี

นี่คือความผิดพลาดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ตระหนกซื้อ (ค่าตัวฟรี) มากเกินไป เพราะก่อนย้ายมา ฟอร์มการเล่นอันน่าสยดสยองของเขากับ อาร์เซน่อล ก็เริ่มตกลงไปแล้ว

เพียงแต่ไม่ค่อยมีคนสังเกตเห็นสักเท่าไหร่ ด้วยถูกเกียรติประวัติและชื่อเสียงเก่าๆ มันบดบังสายตา

ซานเซส

ย้อนกลับมาที่ เจดอน ซานโช่ อีกครั้ง

ข้อแก้ตัวคลาสสิกคือเพิ่งลงเล่นได้ไม่กี่นัดเอง แถมยังไม่ได้เล่นในตำแหน่งถนัดของตัวเองเลยสักครั้ง เหตุเพราะตัวเลือกอันดับแรกในตำแหน่งหน้าขวาของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตามระบบ 4-2-3-1 คือ เมสัน กรีนวู๊ด

ในเมื่อดาวรุ่งวัย 19 ขวบผู้นี้ยังแผลงฤทธิ์อย่างไม่ยั้งหยุด

เจดอน ซานโช่ ก็จำเป็นต้องหลีกทางพลางโยกไปอยู่ทางด้านซ้ายก่อน และแน่นอนว่ามันต้องใช้เวลาในการปรับตัว

ว่าแล้วขอยกตัวอย่างจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เมื่อปี 2003

ผมยังจำวันแรกที่ไอ้จิ้งเหลนไฟผู้นี้เปิดตัวอย่างอลังการดาวล้านดวงได้อย่างแม่นยำ เพราะผมคือหนึ่งในสักขีพยานที่วางตูดอยู่ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด เกมนั้นด้วย

เมื่อได้รับโอกาสลงสนาม คริสเตียโน่ โรนัลโด้ บนวัยแค่ 18 กะรัต ไม่รอช้าที่จะปลดปล่อยความสามารถของตัวเองออกมาแบบหมดเปลือก

คือกล้าเล่นและกล้าโชว์ ว่าแล้วก็สับๆๆๆๆ ซอยๆๆๆๆ จนผู้ชมบางคนต้องอุทานออกมาเป็นภาษาโปรตุเกสว่า…ไอ้เจ็ตเข้ เอ๊ย! ไอ้เจ็ตโด้

แต่ต้องไม่ลืมเช่นกันว่าหลังจากเปิดฉากอย่างเร้าใจ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็มาเสียเวลาสับสยองอย่างพร่ำเพรื่อท่ามกลางเสียงวิพากษ์-วิจารณ์อีกถึง 3 ฤดูกาลเต็มๆ ก่อนจะสำแดงอิทธิเดชบรรลัยกัลป์ของตัวเองออกมาในฤดูกาล 2006-07 จนช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

กรีนวู้ด

แต่ เจดอน ซานโช่ พิสูจน์ตัวเองมาแล้วระดับหนึ่งในบุนเดสลีกา

   ไม่ใช่นักเตะหน้าใหม่ที่ไม่เคยมีใครรู้จักจึงถูกตั้งข้อสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเป็น “ของจริง” หรือ “ของปลอม” กันแน่ ???

เรียนตามตรงว่าผมก็ชักจะหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะก่อนย้ายมา ผมมั่นใจแบบเต็มประดาว่าเขาช่วยยกระดับของปีศาจแดงให้สูงขึ้นได้แน่ๆ

4 นัดแรกที่ผ่านไปกลับยังไม่เห็นทีเด็ดอะไรเลย

ทีนี้ก็คงขึ้นอยู่กับผู้จัดการทีมนั่นแหละว่าจะจัดตัวผู้เล่นแบบไหน

  จัดตามฟอร์มการเล่น หรือ จัดตามความเชื่อมั่นของตัวเอง

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มักจัดผู้เล่นตามความเชื่อมั่นของตัวเอง ด้วยต้องการพิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็นว่าตูข้าคิดถูกจึงตะบี้ตะบันส่งนักเตะประเภท ‘ลูกรัก’ ที่ตัวเองเป็นคนเอามาแบบไม่สนใจในเสียงนกและเสียงกา รวมถึงเสียงนินทาของแฟนบอล

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือ “หลักฐาน” เช่นเดียวกับ แอนดี้ โคล หรือ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ที่ป๋าแกจะดันแบบสุดฤทธิ์ทั้งๆ ที่ผู้เล่นคนอื่นโชว์ฟอร์มได้ไฉไลกว่า

หาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จัดทีมตามความเชื่อมั่นของตัวเองเหมือน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วยต้องการพิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็นว่า “กูผู้ชนะ” ก็ต้องตะบี้ตะบันใช้ เจดอน ซานโช่ ต่อไปโดยไม่ต้องสนใจในเสียงนกเสียงกา รวมถึงคำวิพากษ์-วิจารณ์ต่างๆ นานา

แต่ถ้าจัดตัวตามฟอร์มการเล่น

  เจดอน ซานโช่ ตกที่นั่งลำบากแล้วล่ะครับ

คอลัมนิสต์แมนยู โดย Book ผีแดง

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร ข่าวสารแมนยู อัพเดทก่อนใคร 24 ชม.
Add friend

เพิ่มเพื่อน

• เรื่องน่าสนใจ •