คาบ้านน่าอดสูที่สุดในชีวิต! สิ่งที่อยากบอกหลังแมนยูแพ้ ลิเวอร์พูลหมดสภาพ 25.10.2021
ก่อนอื่นขอบอกว่านับตั้งแต่ดูศึกแดงเดือดมาในชีวิตนี้ ผมเห็น แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ ลิเวอร์พูล หลายครั้งแล้วนะครับ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร
เพียงแต่ผมไม่เคยเห็นพวกเขาแพ้คู่แค้นของตัวเองแบบคาบ้านอย่างน่าอดสูถึงขนาดนี้มาก่อน…สาบาน !!!
1.ขอเริ่มต้นด้วยการจัดผู้เล่น 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ใช้สูตร 4-2-3-1 เหมือนเดิม แม้ท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผมที่ไม่เคยเรียนจบโค้ชอยากจะเห็นพี่แกปรับระบบเป็น 3-5-2 เพื่อใส่เซ็นเตอร์แบ็คเพิ่มอีก 1 ตัว เผื่อเกมรับจะแข็งแกร่งขึ้นบ้าง เพราะเมื่อปราศจาก ราฟาแอล วาราน เกมรับที่ห่วยอยู่แล้วยิ่งห่วยแตกมากกว่าเดิม พร้อมเสียประตูตลอดเวลา
โอเคย์…ไม่เป็นไร เข้าใจๆ สูตรเดิมก็สูตรเดิม เราไม่ได้เก่งกว่าโค้ช ท่องไว้ เราไม่ได้เก่งกว่าโค้ช
แต่ 4-2-3-1 ชุดทำศึกแดงเดือดขบวนนี้ไม่มี ปอล ป๊อกบา นะครับ
เหตุเพราะความปอดแหก ด้วยต้องการใช้คู่หู ‘แม็คเฟร็ด’ เป็นตัวรับ 2 คน เพื่อช่วยกันปกป้องแผงแบ็คโฟร์ที่อ่อนยวบยาบ
ขณะที่ ลิเวอร์พูล ไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง ฟาบินโญ่ ที่เจ็บหัวเข่า แถม เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังพัก โฌแอล มาติ๊ป กับ ซาดิโอ มาเน่ แบบไม่สะทกสะท้านอีกตะหาก
อืมมมมมม…ไม่มีตัวสำคัญอย่าง ฟาบินโญ่
แบบนี้แดนกลางของปีศาจแดงน่าจะพอสู้ได้…ใช่ไหมครับ ???
2.นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำเลย แมนฯ ยูไนเต็ด ก็โดนกะซวกแล้ว !!!
มันมาจากความอ่อนด๋อยของเกมรับนั่นแหละ
เกมรับมันบัดซบ อุดมด้วยความผิดพลาดจนเสียประตูง่ายๆ มาหลายเกมติดต่อกันแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นจากผู้จัดการทีม
จังหวะที่ อารอน วาน-บิสซาก้า ขึ้นไปเติมเกมรุกตรงริมเส้นทางด้านขวา แล้วลงมาไม่ทันจนถูกคู่แข่งย้อนทาง ส่งผลให้ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ต้องทิ้งตำแหน่งเซ็นเตอร์ฯ เพื่อขยับเข้ามาแทนตำแหน่ง
ทว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลับไม่ยอมขยับเข้ามาตาม Shape ทำให้เกิดช่องว่างมหาศาลจนเสียประตูง่ายๆ อีกแล้ว…
อีกแล้ว…อีกแล้ว…อีกแล้ว
ถัดมาแค่ไม่กี่อึดใจพระพุทธ ดอกที่ 2 ก็ตามมาจากความผิดพลาดง่ายๆ อีกแล้ว…อีกแล้ว…อีกแล้ว และอีกแล้ว
คราวนี้ กัปตันทีมค่าตัว 80 ล้านปอนด์ดันปล่อยบอลตกผ่านหน้าตัวเองไปดื้อๆ แล้วในจังหวะที่ตามไปแก้ไข กองหลังอีกคนอย่าง ลุค ชอว์ ก็ดันทะเร่อทะร่าเข้ามาชนกันเองซะอย่างนั้น
เวลาผ่านไปยังไม่ถึง 15 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ทำเสียง่ายๆ ไปถึง 2 ประตู
ตอนกลางสัปดาห์ก็เสียง่ายๆ อย่างรวดเร็วแบบนี้แล้วกลับมาได้
เพราะนั่นคือคู่แข่งอย่าง อตาลันต้า
แต่นี่มัน ลิเวอร์พูล นะโว้ยยยยยย
3.ถามว่านอกจากเกมรับจะห่วยแตก แล้วมันยังมีจุดบกพร่องตรงไหนอีกที่นำมาซึ่งความบรรลัย ???
คุณภาพการรับส่งบอล และทีมเวิร์คนี่แหละครับคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดทั้งมวล
แมนฯ ยูไนเต็ด เสียบอลง่ายมาก เหตุเพราะรับส่งบอลกันไม่ค่อยแม่นยำสักเท่าไหร่จนต้องเสียเวลาแก้ไข มิหนำยังต่อบอลกันมากจังหวะโดยใช่เหตุ เกมจึงไม่ไหลลื่น…ตะกุกตะกัก
ต่อเมื่อเจอคู่แข่งบีบเข้าหาอย่างรวดเร็วก็จะยิ่งเสียบอลง่ายเข้าไปใหญ่
บ่อยครั้งที่เสียบอลกลางทางในระหว่างการลำเลียง เมื่อ ลิเวอร์พูล ตัดบอลได้ พวกเขาจะโจมจู่แบบสายฟ้าผ่าหัวหมาโดยพลัน
ส่วนคู่หู ‘แม็คเฟร็ด’ ที่ผู้จัดการทีมส่งลงมาให้ปกป้องแผงหลังก็ช่วยเบรคเกมของคู่แข่งไม่ได้ แบบนี้เอา ปอล ป๊อกบา ลงมาเป็นตัวจริงตั้งแต่แรกไม่ดีกว่าเหรอ ???
หงส์แดงบุกมาแต่ละครั้งจึงเข้าถึงพื้นที่สุดท้ายไปจี้จุดอ่อนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ตลอด
4.สิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยมองเห็นได้อย่างคมชัดคือระบบการเล่นและทีมเวิร์ค ทั้งๆ ที่ศักยภาพของผู้เล่นแทบไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่
ถ้าสู้กันด้วยระบบการเล่น และทีมเวิร์คไม่ได้ มันก็ต้องสู้ด้วย
แท็คติก ประหนึ่งไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลนั่นแหละ
อีน้าแกคงมั่นใจในกึ๋นของตัวเองแบบเต็มประดาเกินกว่าที่จะเลียนแบบกุนซือปีศาจแดงคนเก่าอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่
ครั้งสุดท้ายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยัดเยียดความปราชัยให้ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ตอนนั้นฟอร์มการเล่นของ โม ซาล่าห์ ร้อนแรงแบบเกินห้ามใจ
เฮียมูจึงส่ง อ.ยัง ลงไปตามประกบดาวเตะผู้นี้แบบยัดใส่กระเป๋า เพราะปล่อยเอาไว้ไม่ได้…มันเป็นภัยต่อความมั่นคง
ตัดกลับมา ณ ปัจจุบัน ดาวเตะที่ฟอร์มกระฉูดแตกที่สุดในโลก และดาวอังคารก็คือ ‘ซูเปอร์ซาล่าห์’ นี่แหละ
เมื่อไม่ยอมหาวิธีจัดการกับตัวอันตรายพลางปล่อยให้เขาเล่นสบายๆ ตัวเองก็ถูกลงโทษอย่างสาสมด้วยแฮตทริคของท่านฟาโรห์ – โมฮาเหม็ด ซอเลาะห์
5. ตอน แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือ 10 ตัว ขณะตามหลัง 5-0 ลิเวอร์พูล ถอนตีนจากคันเร่งแล้วนะครับ ทั้งที่หากโหมกระหน่ำต่อก็น่าจะทำลายตาข่ายให้สิ้นซากได้มากกว่านี้
เข้าใจว่าคงกลัวเจ็บกลัวเดี้ยงกันด้วยแหละ เพราะเจ้าถิ่นสู้ไม่ได้ก็หันมาไล่เตะคู่แข่งบนความหงุดหงิดง่ามตีล พวกพี่ๆ เขาจึงเล่นแบบประคองตัว เคาะบอลไป เคาะบอลมาจนหมดเวลา เพื่อถนอมวรกายเอาไว้ดีกว่า
ถึงตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตามหลังจ่าฝูง 8 แต้มแล้วนะครับ สภาพแบบนี้คงหมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์ในทางปฏิบัติเรียบร้อย หลังจากเก็บได้แค่แต้มเดียวจาก 4 เกมล่าสุด
ย้ำว่าแค่ 1 แต้มจาก 4 เกมล่าสุดอันมาจากการวางแผนที่ห่วยแตก การแก้เกมที่ห่วยแตก และฟอร์มการเล่นที่ห่วยแตก
เรียนตามตรงว่าถ้า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยังคุมทีมอยู่ถึงวันเสาร์นี้ที่จะบุกไปเยือน สเปอร์ส ก็แสดงว่าเจ้าของทีมกับผู้บริหารเฮงซวยมันคงแดกควายเป็นอาหาร โดยที่ไม่มีความรู้เรื่องฟุตบอลห่าเหวอะไรเลยสักนิด
เพราะมันชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนยังไงแล้วว่าอีน้าแกมือไม่ถึง และไม่ใช่ผู้กอบกู้อย่างที่พยายามมองโลกให้สวยๆ แล้วอวยกันไปเองหรอก
ถ้าไม่รีบปลดออกมีโอกาสสูงที่จะหลุดท็อปโฟร์ โดยไม่ประสบความสำเร็จใดๆ ไปอีกฤดูกาล หรือแถวบ้านเรียกว่า…แห้วแดก